มวยไชยา หรือ Muay Chaiya เป็นหนึ่งในแขนงของมวยไทยที่มีความโดดเด่นและมีประวัติศาสตร์ยาวนาน ต้นกำเนิดของมวยไชยามาจากเมืองไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ศิลปะการต่อสู้นี้ไม่เพียงแต่เน้นการใช้เทคนิคและทักษะที่หลากหลาย เช่น การใช้มือ เท้า เข่า และศอก แต่ยังรวมถึงท่วงท่าการป้องกันตัวที่เป็นเอกลักษณ์ การฝึกฝนมวยไชยานอกจากจะเป็นการพัฒนาความแข็งแกร่งและความยืดหยุ่นของร่างกายแล้ว ยังสะท้อนถึงปรัชญาและวัฒนธรรมของชาวสยามในอดีต มวยไชยาจึงเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์และสืบสานต่อไปในอนาคต
หัวข้อ
มวยไชยา (Muay Chaiya) คืออะไร?
มวยไชยา หรือที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า “Muay Chaiya” เป็นหนึ่งในแขนงของมวยไทยที่มีความโดดเด่นและมีประวัติศาสตร์ยาวนาน ศิลปะการต่อสู้นี้มีต้นกำเนิดมาจากเมืองไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี และเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในยุคสมัยรัชกาลที่ 5 มวยไชยาเป็นมวยที่เน้นการใช้เทคนิคและทักษะที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการใช้มือ เท้า เข่า และศอก รวมถึงท่วงท่าการป้องกันตัวที่เรียกว่า “ท่าย่างสามขุม”
ต้นกำเนิดและประวัติศาสตร์
มวยไชยาเริ่มต้นที่พ่อท่านมา บุคคลที่ไม่มีใครทราบชื่อจริง รู้เพียงว่าเป็นครูมวยใหญ่จากพระนครหรือบางก็ว่าเป็นขุนศึกแม่ทัพแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ท่านได้เดินทางมาที่เมืองไชยาและถ่ายทอดวิชาการต่อสู้ให้แก่ชาวเมือง ศิษย์ที่ทำให้มวยเมืองไชยาเป็นที่รู้จักมากที่สุดในยุค ร.5 คือ พระยาวจีสัตยารักษ์ (ขำ ศรียาภัย)
ปรมาจารย์เขตร ศรียาภัย เคยกล่าวไว้ว่า ท่าย่างสามขุม ของหลวงวิศาลดรุณกร (อั้น สาริกบุตร) อาจารย์โรงเรียนสวนกุหลาบฯ พ.ศ. 2464 ซึ่งเป็นศิษย์เอกของปรมาจารย์พระไชยโชคชกชนะ (อ้น) เจ้ากรมทนายเลือกครูมวยและครูกระบี่กระบองผู้กระเดื่องนามในรัชสมัยรัชกาลที่ 5 และปรมาจารย์ขุนยี่สานสรรพยากร (ครูแสงดาบ) ครูมวยและครูกระบี่กระบองลือชื่อในสมัย ร.6 นั้นมีความกระชับรัดกุม ตรงตามแบบท่าย่างสามขุมของพ่อท่านมา ครูมวยแห่งเมืองไชยา
คุณลักษณะและเทคนิคเฉพาะตัว
มวยไชยาเน้นไปที่ความแข็งแกร่ง ความยืดหยุ่น และการเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่ว ด้วยเทคนิคที่หลากหลายทั้งการใช้มือ เท้า เข่า และศอก เทคนิคที่เป็นเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งคือ “ทุ่ม ทับ จับ หัก” ซึ่งเป็นการทุ่มคู่ต่อสู้ที่มีประสิทธิภาพสูง เทคนิคเหล่านี้ทำให้มวยไชยาเป็นศิลปะการต่อสู้ที่มีความร้ายกาจและมีประสิทธิภาพ
ท่าย่างสามขุมเป็นการเคลื่อนไหวที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในมวยไชยา ท่าทางนี้ช่วยให้ผู้ฝึกสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วและมีเสถียรภาพ นอกจากนี้ยังมีการใช้ท่าล่อ หลอก หลบ หลีก ที่ช่วยให้ผู้ฝึกสามารถรับมือกับการโจมตีของคู่ต่อสู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความสำคัญทางวัฒนธรรม
มวยไชยาไม่เพียงแต่เป็นศิลปะการต่อสู้ที่มีความรุนแรงและเข้มแข็ง แต่ยังเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่าของชาติไทย การฝึกฝนมวยไชยานอกจากจะเป็นการฝึกทักษะการต่อสู้แล้ว ยังเป็นการฝึกฝนจิตใจให้มีความอดทน มุ่งมั่น และมีวินัย ผู้ฝึกมวยไชยาจะได้เรียนรู้ถึงความสำคัญของการเคารพต่อครูบาอาจารย์และการมีความกตัญญูกตเวที
การสืบทอดและการอนุรักษ์
ปัจจุบัน “มวยไทยไชยา” หรือ “พาหุยุทธ์มวยไทยไชยา” เป็นสิ่งที่ยากจะหาชมได้ แต่ยังมีสถานที่หนึ่งที่ให้การฝึกสอนวิชามวยไทยให้กับประชาชนทั่วไปเพื่อสืบทอดวัฒนธรรมไทยแท้ อาจารย์ณปภพ ประมวญ หรือ “ครูแปรง” เป็นผู้สืบทอดวิชามวยไทยไชยาจากบูรพาจารย์ที่สืบสายวิชามวยที่ถูกลืมไปตั้งแต่การมวยคาดเชือกถูกระงับการแข่งขันให้เปลี่ยนไปใช้กติกาอิงสากล ลูกไม้มวยและอื่นๆ ก็สูญหายไปมาก
ครูแปรงเป็นศิษย์ติดตามใกล้ชิดของครูทอง เชื้อไชยา ผู้สืบทอดวิชามวยไทยไชยานี้มาจากปรมาจารย์เขตร ศรียาภัย (ปรมาจารย์คนสุดท้ายของวงการมวยไทย) ซึ่งได้เรียนวิชาจากพระยาวจีสัตยรักษ์เจ้าเมืองไชยาผู้เป็นพ่อ รวมทั้งได้เรียนวิชามวยโบราณจากครูอีก 13 ท่านจนแตกฉาน
วิชามวยไทยไชยาในปัจจุบัน
วิชามวยไทยไชยา นอกจากการใช้มือ เท้า เข่า ศอก ที่เห็นได้ทั่วไปในมวยไทยกระแสหลักแล้วยังมีวิชาที่ถูกลืมอย่างการ “ทุ่ม ทับ จับ หัก” ซึ่งมีความร้ายกาจไม่แพ้วิชาการทุ่ม การล็อคของศิลปะการต่อสู้อื่น หลักมวยอื่นๆ ยังมีที่เป็นคำคล้องจองแต่มีความหมายลึกซึ้งทุกคำ เช่น “ล่อ หลอก หลบ หลีก หลอกล่อ ล้อเล่น” หรือ “กอด รัด ฟัด เหวี่ยง” ซึ่งเป็นวิชาการกอดปล้ำแบบหนึ่งที่หาไม่ได้แล้วในมวยไทยสมัยปัจจุบัน หรือแม้กระทั่ง “ล้ม ลุก คลุก คลาน” ซึ่งเป็นการฝึกม้วนตัว ล้มตัว
การต่อสู้ของมวยโบราณอย่างมวยไทยไชยาไม่จำกัดเฉพาะการยืนต่อสู้เท่านั้น การต่อสู้เมื่อจำเป็นต้องล้มลงก็ทำได้ และด้วยพื้นฐานของมวยไทยโบราณที่ถูกสร้างให้ใช้ในการศึกสงคราม การต่อสู้กับศัตรูพร้อมกันหลายคนนั้นเป็นอีกมิติหนึ่งที่ทำให้มวยไทยไชยาเป็นมวยที่ร้ายกาจ
การเรียนการสอนของมวยไทยไชยาเป็นระเบียบระบบแบบโบราณ นักเรียนจะได้เรียนตั้งแต่พื้นฐานวิชาเรียนการป้องกันตัว “ป้อง ปัด ปิด เปิด” จนสามารถป้องกันการโจมตีได้อย่างมั่นใจแล้ว ลูกไม้มวยไทยต่างๆ ก็จะค่อยได้เรียนรู้ แตกต่างจากมวยไทยกระแสหลักที่ฝึกฝนการโจมตี เตะ ต่อย ทำลาย โดยอาศัยความทนทานเข้ารับลูกเตะต่อยของคู่ต่อสู้
ครูแปรงยังได้วางแผนการสอนวิชาอาวุธที่เกี่ยวข้องกับมวยไทยไชยา รู้จักกันในชื่อ “วิชากระบี่กระบอง” ซึ่งมีวิชาเรียนดาบสองมือ มีดสั้น พลองยาว ไม้ศอก รวมถึงอาวุธไทยโบราณอื่นๆ
สรุป
มวยไทยไชยาเป็นศิลปะการต่อสู้ที่มีความสำคัญทั้งในด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของไทย ด้วยเทคนิคการต่อสู้ที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพ มวยไชยาไม่เพียงแต่เป็นการต่อสู้ทางกาย แต่ยังสะท้อนถึงความอดทน มุ่งมั่น และมีวินัยของผู้ฝึกฝน เป็นศาสตร์แห่งสยามที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์และสืบสานต่อไปในอนาคต
ติดต่อเรา
- Facebook : Muay Academy
- Intragram : Muay Academy
- Tiktok : Muay Academy
- Twitter : Muay Academy
- Pinterest : Muay Academy
- LINE : Muay Academy